คงไม่มีใครเรียนภาษาแล้วไม่อยากพูดได้หรอกเนอะ แต่การจะ “พูดได้” เนี่ย ต้องใช้เวลาและวินัยในการฝึกฝนอยู่ประมาณหนึ่งทีเดียว แถม “พูดได้” ก็ใช่ว่าจะ “พูดคล่อง” พูดคล่องในที่นี้ นอกจากจะหมายถึงมีคลังคำศัพท์เยอะ รู้ไวยากรณ์ต่าง ๆ ถึงเวลาก็ควักออกมาพูดได้แบบปรู๊ดปร๊าดทันใจแล้ว ยังรวมไปถึงการพูดได้แบบ “คล่องปาก” ด้วย ไม่ใช่พอจะพูดคำนี้ ในหัวนี่รู้แหละว่าพูดยังไง แต่พอออกเสียง อ้าว ลิ้นพันกันซะงั้น ไปจนถึงการพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งสำเนียง การออกเสียงสูง เสียงต่ำ ตรงไหนเน้น ตรงไหนไม่ต้อง แบบเจ้าของภาษา
นี่คือรายละเอียดปลีกย่อยของการพูดคล่อง ที่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจแรงปากฝึกฝนกันแบบเลี่ยงไม่ได้…
ทีนี้ เราจะฝึกพูดภาษาญี่ปุ่นยังไงดีให้พูดได้ พูดเป็น และพูดคล่อง
ตัวอยู่เมืองไทย พูดก็แต่ภาษาไทย จะเอาโอกาสไหนไปฝึก!
.
.
.
.
.
ก็เอาโอกาสที่ใจอยากพูดเก่งนี่แหละฝึกเนาะ
วันนี้เราเลยจะมาแนะนำวิธีฝึกพูดภาษาญี่ปุ่นรูปแบบหนึ่งที่ทำตามกันได้ไม่ยากและได้ผล นั่นคือเทคนิค Shadowing นั่นเอง
Shadowing คืออะไร?
Shadowing เป็นเทคนิคการฝึกพูดอย่างหนึ่งสำหรับการล่ามแบบพูดพร้อม วิธีการก็ง่าย ๆ คือเปล่งเสียงพูดตามหลังเสียงที่ได้ยินทันทีให้เหมือนมากที่สุดประหนึ่งเป็น “เงา” นั่นเอง
เทคนิค Shadowing ได้ผลยังไง?
ถ้าเปรียบสมองเราเป็นคอมพิวเตอร์ การเรียนไวยากรณ์หรือคำศัพท์ก็เหมือนกับการลงซอฟท์แวร์ใหม่ ต่อให้ซอฟท์แวร์ดีเว่อร์ขนาดไหน ถ้า CPU หรือหน่วยความจำเล็กไป มันก็อืดอยู่ดี เราจึงต้องหาวิธีอัพเกรด CPU หรือสมองของเราให้ทำงานตอบสนองทันกับซอฟท์แวร์ที่ขยายใหญ่ขึ้น และซับซ้อนมากขึ้นตามจำนวนข้อมูล วิธีการนั้นก็คือการฝึก Shadowing นั่นเอง การฝึก Shadowing จะทำให้เราจัดการข้อมูลและประมวลผลสิ่งต่าง ๆ ในหัวสมองเราได้อย่างรวดเร็วเปล่งเสียงออกมาได้ทันทีแบบอัตโนมัติ
ข้อดีอีกอย่างของการฝึก Shadowing ก็คือ เราจะได้ฝึกเรื่องสำเนียงและทำนองเสียงไปด้วยในตัว หากฝึกทุกวัน มันจะมาเอง เพราะสมองเราเม็มไว้แล้วว่ามันต้องออกเสียงแบบนี้ ๆ
ฝึก Shadowing ยังไงให้ได้ผล?
ดังคำกล่าวที่ว่า Practice makes perfect การฝึก Shadowing ก็เช่นกัน คือต้องฝึกสม่ำเสมอ วันละ 10-15 นาที ขั้นตอนการฝึกก็ง่าย ๆ เลย คือ
อ่านสคริปต์เรื่องที่เราจะฝึกแล้วตรวจสอบความหมายว่าพูดที่ไหน สถานการณ์อะไร เรื่องอะไร ประมาณนี้ (ระดับความยากควรเป็นระดับเดียวกับความรู้ของเรา ถ้าอ่านดูแล้วไม่เข้าใจมากกว่าเข้าใจ แนะนำให้เปลี่ยนเรื่อง)
ต่อมา ฟังซีดีแล้วพูดออกเสียงตามซีดีทันทีพร้อมทั้งอ่านสคริปต์ไปด้วย (ได้ยินเสียงจากซีดีปุ๊บ พูดตามปั๊บเลย)
สุดท้าย พอพูดตามได้คล่องแล้ว ก็ฝึกพูดตามเสียงจากซีดีทันทีแบบไม่ต้องอ่านสคริปต์เลย
ฝึกอย่างนี้ไปจนคล่อง แล้วค่อยเปลี่ยนไปฝึกเรื่องใหม่ ระหว่างฝึกก็สังเกตทำนองเสียง วิธีการออกเสียงคำต่าง ๆ ไปด้วย
(ข้อมูลจากหนังสือ ญี่ปุ่น ฟังไปพูดไป ง่ายนิดเดียว)
อ่านกันมาถึงตรงนี้ ก็คงเกิดคำถามว่า แล้วจะฝึกจากอะไรล่ะหว่า
หนังสือสำหรับฝึก Shadowing โดยเฉพาะ เราไม่มีจำหน่ายแล้ว เลยอยากจะแนะนำให้ฝึก Shadowing จากหนังสือเล่มไหนก็ได้ที่มีซีดีหรือไฟล์เสียงและมีสคริปต์ให้อ่านตามไปด้วย
หนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่นจากสำนักพิมพ์ภาษาและวัฒนธรรม ที่เราว่าเหมาะกับการใช้ฝึก Shadowing ด้วยก็มี
200 วลีญี่ปุ่น พูดสั้นทันใจ ระดับต้น-กลาง และ 210 วลีญี่ปุ่น พูดสั้นทันใจ ระดับกลาง-สูง
จุดประสงค์หลักของทั้ง 2 เล่มนี้คือสอนใช้วลีที่คนญี่ปุ่นใช้กันจริง ๆ ในชีวิตประจำวัน และด้วยความที่เน้นการใช้จริงนี่แหละ มันเลยเหมาะกับการใช้ฝึก Shadowing ด้วยไงแกร
ในเล่มจะเป็นบทสนทนาโต้ตอบแบบสั้นมาก ๆ A-B จบ บทหนึ่งประมาณ 3-5 บทสนทนา สปีด วิธีการพูด อารมณ์ต่าง ๆ คือเหมือนกับที่คนญี่ปุ่นใช้ในชีวิตจริงแน่นอน มีการกร่อนคำ เสียงสูงต่ำชัดเจน
เวลาฝึกก็ฝึกวันละบท พิจารณาก่อนว่าเขาพูดถึงอะไรกัน แล้วก็ฟังซีดีแล้วพูดตามทันทีพร้อมกับอ่านบทสนทนาไปด้วย พอคล่องแล้วก็ฟังซีดีแล้วพูดตามโดยไม่ต้องอ่าน
เล่มนี้เหมาะกับคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นระดับต้นตอนปลายไปแล้ว แต่ถ้าใครเพิ่งเริ่มเรียนและอยากทำความคุ้นเคยกับภาษาพูดที่คนญี่ปุ่นใช้กันจริง ๆ แตกต่างกับภาษาญี่ปุ่นที่เจอในห้องเรียน ก็ลองเอามาฝึกได้
ดูรายละเอียดหนังสือ คลิก
200 วลีญี่ปุ่น พูดสั้นทันใจ ระดับต้น-กลาง
210 วลีญี่ปุ่น พูดสั้นทันใจ ระดับกลาง-สูง
พูดญี่ปุ่นปัง ฟังญี่ปุ่นเป็น
เล่มนี้จุดประสงค์ตามชื่อเลยคือสอนการพูดภาษาญี่ปุ่น ให้เป็นได้ทั้งผู้พูดและผู้ฟังที่ดี ดำเนินบทสนทนาได้ต่อเนื่อง ไม่ประสบปัญหาเดดแอร์ พูดคุยกับคนญี่ปุ่นได้อย่างออกรสและเป็นธรรมชาติ
และเนื่องด้วยเป็นหนังสือเน้นพูดอยู่แล้ว ในเล่มก็เลยจะอัดแน่นไปด้วยบทสนทนาที่เป็นภาษาพูดสุด ๆ คำย่อ เสียงกร่อนต่าง ๆ มาเต็ม เหมือนหลุดไปอยู่ญี่ปุ่นยังไงยังงั้น เลยเหมาะกับใช้ฝึก Shadowing อีกแล้วคุณผู้อ่าน แต่ว่าไม่เหมาะกับผู้เรียนระดับต้นเลยนะ เพราะสปีดพูดเร็วไฟแลบ เร็วกว่า 200 กับ 210 วลีญี่ปุ่นฯ อีก เหมาะกับคนที่เรียนถึงระดับกลางแล้วอยากอัพสกิลการพูดให้ใกล้เคียงเนทีฟขึ้นไปอีกมากกว่า
ดูรายละเอียดหนังสือ คลิก
พูดญี่ปุ่นปัง ฟังญี่ปุ่นเป็น
55 ก้าวสู่ภาษาญี่ปุ่นระดับกลาง
จุดประสงค์หลักของเล่มนี้คือให้คนที่เรียนจบระดับต้นแล้ว ได้ลองเชิงหรือเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ระดับกลางจริง ๆ เน้นทวนไวยากรณ์ และฝึกฝนการใช้ผ่านแบบฝึกหัดต่าง ๆ ทั้งอ่าน ฟัง เขียน
ทีนี้แต่ละบทเขาก็จะมีบทอ่านความยาวประมาณ 1 หน้ามาให้ด้วย พร้อมซีดีมีเสียงอ่านประกอบ ความเจ๋งคือ ไฟล์เสียงในซีดีที่อ่านบทอ่านนั้นน่ะ มีทั้งแบบสปีดช้ากับสปีดปกติ เลยเหมาะกับการฝึก Shadowing (อีกแล้ว)
ใครที่ยังไม่คล่อง ก็ฝึกพูดตามจากไฟล์เสียงที่อ่านช้าก่อน พอคล่องขึ้นก็ค่อยไปฝึกกับไฟล์เสียงที่เป็นสปีดคนญี่ปุ่นพูดปกติ คือจะเร็วขึ้นมาอีกหน่อย แต่สิ่งที่แตกต่างจาก 3 เล่มที่แนะนำก่อนหน้าคือภาษาที่ใช้ในเล่มนี้จะเป็นภาษาทางการหน่อย ๆ เป็นบทอ่านเฉย ๆ ไม่ใช่บทสนทนาที่พูดกันแบบเร็ว ๆ โต้ตอบกันไปมา มีการกร่อนเสียง หรือใส่อารมณ์เวลาพูด
ดูรายละเอียดหนังสือ คลิก
55 ก้าวสู่ภาษาญี่ปุ่นระดับกลาง
หากใครมีหนังสือเหล่านี้อยู่แล้ว ก็ลองใช้ประโยชน์จากมันเพิ่มเติมนอกเหนือจากจุดประสงค์หลักของแต่ละเล่มดู หรือหากใครมีหนังสือเล่มอื่น ๆ ที่มีซีดีประกอบและมีสคริปต์ ก็ลองประยุกต์พลิกแพลงใช้ฝึก Shadowing ตามวิธีที่แนะนำได้เหมือนกัน ฝึกวันละ 10-15 นาทีเท่านั้น แต่ฝึกให้ต่อเนื่อง ลองดูสัก 3 เดือน แล้วคุณจะรู้สึกเลยว่าลิ้นไม่พันกัน คิดเร็ว พูดคล่องขึ้นแน่นอน
น่าสนใจมากค่ะ จะลองฝึกตามนี้ดู☺️
ลองดูนะคะ สู้ ๆ ค่ะ 🙂